เรียน Business Model Canvas กับ โค้ชน้ำใส ต่างจากคนอื่นยังไง?

คำถามที่ทั้งได้รับการถามตรง หรือ ถามในใจจากหลายท่านในยุคที่มีการขายความรู้ความเชี่ยวชาญมากมาย

คือ “เรียน Business Model Canvas  กับ น้ำใส ต่างจากคนอื่นยังไง?”

ขอตอบจากประสบการณ์การโค้ชนักธุรกิจมามากกว่า 100 ราย ตามนี้นะคะ

ต้องเข้าใจก่อนว่า Business Model Canvas หรือเรียกย่อว่า BMC เป็นแค่เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาธุรกิจนะคะ

ขอใช้คำว่ามันเป็น Tools

Tools ในที่นี้ คือ สิ่งที่เอามาใช้ประกอบในการทำให้เราทำสิ่งที่อยากทำได้ง่ายขึ้นในทางธุรกิจ

เช่น Facebook และ Line ก็เป็น Toolsในการสื่อสารกับลูกค้า

ส่วน BMC เป็น tools ที่ช่วยให้ทุกความคิดได้ถ่ายทอดออกมาสู่กระดาษ 1 แผ่นเพื่อให้เห็นภาพชัดว่าควรจะทำอะไรต่อ

จึงใช้ได้กับการทำธุรกิจหลายเรื่อง ยกตัวอย่าง 3 เรื่องหลักที่เห็นชัด คือ

1.เปลี่ยนไอเดียให้เป็นธุรกิจจริง: คนที่มีไอเดียลอยๆ ว่าจะเริ่มธุรกิจแบบไหนดี เขียนลงมาก็เห็นภาพชัดว่าต้องมีองค์ประกอบไหนบ้าง เรามีครบพร้อมทำได้เลย หรือ ต้องไปคุยกับใครบ้างเพื่อให้เกิดโครงการนั้นๆจริง เรียกว่าการสร้างแบบแพลนบ้านให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปก่อสร้างจริง

2.หาช่องทางในการเพิ่มยอดขาย: คนที่รู้สึกว่าทำไงยอดขายก็ไม่เพิ่ม แต่พอได้ทำ BMC แล้ว กลับค้นพบว่า ตรงไหนเป็นจุดบกพร่องที่จะน่าจะพัฒนาได้ก่อนด้วยต้นทุนที่น้อยที่สุด แค่นี้วิธีการสร้างยอดขายก็เปลี่ยนไปทันทีแล้ว

3.หาจุดขายใหม่ๆ:  หลายคนทำธุรกิจมานานกับรูปแบบเดิมๆ คู่แข่งก็เข้ามาตีตลาดแล้วด้วยรูปแบบใหม่ สิ่งที่เราเคยมีที่ว่าโดดเด่นกลับกลายเป็นเรื่องเดิมๆ ก็คงถึงเวลาต้องหากันแล้วล่ะ ว่ามีอะไรที่เรามีและทำให้เด่นได้อีกบ้าง อันนี้ก็ค้นพบได้เลยถ้าเขียนแบบหาข้อมูลมาครบ

และ BMC ยังทำอะไรได้อีกอย่างจากประสบการณ์ที่โค้ชนักธุรกิจมาหลายท่าน

 

เล่าเรื่องประโยชน์แล้วกลับมาที่คำว่า tools

การที่คนเราจะใช้ tools อะไรก็ตามได้ดี เค้าคนนั้นจะต้องใช้มันบ่อยๆ ได้ลองผิดลองถูกกับมันให้ชินในระดับหนึ่ง

และที่สำคัญคือต้องคอยปรับปรุงจนใช้งานมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

 

ในการทำธุรกิจนั้นเรามีtoolsหลายอย่าง—เยอะมากที่ถ้าเราเอาของทั้งโลกมารวมกันคงอ่านชาตินี้ไม่หมดกันเลย

หมายความว่า เราจะใช้ tools ตัวไหนก็ได้นะ ในการพัฒนาธุรกิจเรา แต่เราต้องเข้าใจมันมากพอ และได้ปรับใช้มันกับชีวิตเราจริงๆ

การแค่เขียน BMCเฉยๆ จากความคิด นับว่าเราเพิ่งใช้ศักยภาพของมันไปแค่ 5% เพราะการแค่เขียนออกมาแบบไม่ได้มีข้อมูลและไม่ได้มีใครช่วยในการจัดระบบความคิดเราก็อาจยังวนอยู่จุดเดิม เพราะงั้นถึงคุณจะเรียนรู้ว่ามันใช้งานอย่างไรจากใครก็ตามที่สอนเรื่องนี้ ถ้าคุณไม่ได้ใช้มันก็เป็น 0% เพราะการเรียนรู้ tools ใดๆ รู้แล้วไม่ใช้เดี๋ยวก็ลืม แต่พอมาเขียนหลายท่านก็บอกอีกว่า ไม่เห็นมีอะไร —ใช่แล้ว ถ้าคุณเขียนเองคนเดียว คุณก็จะมีแต่กรอบความคิดเดิมๆ แล้ว อะไรมันจะเปลี่ยนไปทำให้คุณค้นพบสิ่งใหม่ได้ล่ะ!

หลายคนบอกว่าอยากเห็น BMC เยอะๆ —น้ำว่าคุณหาดูได้นะ BMC ของหลายธุรกิจในอินเตอร์เน็ตน่ะ  ของไทยมี อจ. หลายท่านก็เอามาสอนแล้ว ให้เนื้อหาเยอะมากด้วย 55+

แต่เชื่อเถือว่า ถึงคุณจะเห็น BMC คนอื่นเป็นร้อยเป็นพัน อ่านหนังสือหลายเล่ม ก็เอามาเขียนในธุรกิจคุณไม่ได้ ลองไปดูก็ได้ ต่อให้มี BMC ของธุรกิจในไทยคุณก็ไม่อินหรอก คุณก็จะอุทานในใจว่า อ้อ แบบนี้เอง แล้วก็กลับมาคิดว่า แล้วถ้าเป็นธุรกิจคุณล่ะ จะทำยังไง? ก็มันเป็นแค่เอกสารที่ทำขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนอ่านได้ เคล็ดลับจริงๆ ไม่มีใครเค้าเขียนมาให้คุณหรอก หรือ ถึงจะมีเคล็ดลับที่เค้าให้จริง คุณก็ทำแบบเค้าไม่ได้ทั้งหมด เพราะองค์ประกอบในชีวิตคุณกับเค้ามันต่างกัน — สมมติคุณตันสอนวิธีขายน้ำชาเขียวให้คุณตอนนี้ คุณคงไม่มีทุนไปทำเรื่องการชิงโชคแบบเค้าแน่ๆ!

ทุกสิ่งที่เราอ่านจากหนังสือ หรือแม้แต่ไปนั่งฟังสัมมนา ล้วนเป็นความรู้เก่า มันจะใหม่ก็ต่อเมื่อคุณได้เอามาใช้จริงเท่านั้น!

(*อาจเป็นข้อพึงระวังของคนที่ชอบไปสัมมนา หรือ ฟังคนดังไว้นิดนึงนะคะ ว่า สิ่งที่คุณได้ยิน คนอื่นรู้พร้อมกันหมดแล้ว กลยุทธ์นั้นคงใช้ไม่ได้แล้ว ยกตัวอย่างถึงการเล่นหุ้น ตอนที่ข่าวออกมา ว่ามีใครคนดังถือหุ้น ราคาหุ้น มักขึ้นไปสูงแล้ว เจ้ามืออาจจะเลือกถือต่อ เพราะมีต้นทุนที่ต่ำ หรือ ขายเพื่อไปทำกำไรกับสิ่งใหม่ก็ได้)

เข้าเรื่องว่า—เรียน Business Model Canvas (BMC) กับน้ำใส ต่างกับที่อื่นอย่างไร?  —สำหรับน้ำและทีมโค้ชเราเพียงใช้มันเป็น tools ในการทำให้นักธุรกิจได้เห็นสิ่งใหม่ๆ ตั้งแต่การเข้าใจภาพธุรกิจตัวอย่าง ไปจนถึงเข้าใจเรื่องของธุรกิจที่ทำอยู่ เพื่อให้นักธุรกิจเห็นทิศทางที่จะไปต่อ เห็นจุดอ่อนจุดแข็งเพื่อให้การปรับปรุงธุรกิจเป็นไปได้รวดเร็วและตรงจุดมากขึ้น

ส่วน BMC ที่เขียนกันทั่วไป ถึงจะให้ใครดูก็คงเห็นมันเป็นแค่กระดาษที่ไม่ได้มีอะไร เพราะเขียนกันจากความคิดตัวเอง คนเดียว แต่ว่าการจะได้อะไรที่ไม่ธรรมดาในการใช้ tools นี้ต้องมาจากการคุยกันแลกเปลี่ยนกันกับคนที่เข้าใจ tools ตัวนี้จริงๆและพร้อมให้ความเห็นใหม่ๆแบบตรงไปตรงมา

นักธุรกิจที่มาเรียนกับน้ำหลายท่านอ่านเรื่อง BMC มาแล้วมามากมาย แต่สิ่งที่เค้าส่งมาก่อนจะโค้ชกันก็ไม่ต่างจากกระดาษธรรมดา เพราะการอ่านมากๆ ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีการวิเคราะห์เชื่อมโยง การเรียนที่เนื้อหาความรู้เรื่องนี้ให้เยอะ ที่หลายที่ทำกันก็ด้วย ไม่ได้มีการเชื่อมโยงทุกองค์ประกอบอย่างถูกต้อง และที่แย่กว่าคือ การคิดเองเออเอง (เขียนคนเดียว)

ถูกต้องเป็นอย่างไร? —อย่างน้อยทุกช่องต้องมีการเชื่อมโยงเพื่อสื่อถึงคุณค่าเดียวกันของธุรกิจได้ตรงกันหมด ซึ่งการทำเองตามตำราเป็นไปได้ยากมาก ถ้าไม่มีการโค้ชแบบถามลงลึกให้คุณเชื่อมโยงจนใช้งานได้ และที่น้ำคุยด้วยมา 100% ถึงจะเรียนและอ่านเรื่องนี้มาแล้วก็ยังเชื่อมโยงไม่ได้ การคุยกันกับน้ำแม้เพียงครั้งแรกก็ช่วยให้นักธุรกิจเหล่านั้นได้เชื่อมโยงและมองเห็นจุดอ่อนจุดแข็งของธุรกิจเค้าเอง จนได้ผลลัพธ์เกินคาดกันทุกคน

ก็แปลกดี ที่ BMC เป็น tools ที่ทำให้เห็นภาพรวมธุรกิจได้ชัด แต่เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่เขียนมาไม่มีความชัดเจนกับธุรกิจตัวเอง จึงไม่สามารถเชื่อมโยงแต่ละองค์ประกอบของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลยติดกับบางปัญหาอยู่นานจนรู้สึกว่าธุรกิจที่ทำมาเริ่มไปต่อไม่ได้ —คงจะจริง ที่บางอย่างเหมือนเป็นแค่เส้นผมบังภูเขา

**สิ่งที่น้ำแตกต่างคือ น้ำไม่ได้สอนแค่เล่าให้ฟัง แต่น้ำใช้มันเป็น tools ที่ให้ทุกคนไปทำจริง และนำมาเป็นพื้นฐานในการคุยกันแบบโค้ชธุรกิจเพื่อให้เอาไปปรับใช้ได้จริง ในการแก้ไขปัญหาและวางแผนกลยุทธ์ใหม่ๆ**

จริงๆ คุณไม่ต้องใช้ BMC ก็ได้นะ ใช้ tools อย่าง SWOT หรืออื่นๆ ที่คุณชอบก็ได้ ขอแค่ ให้คุณตั้งใจในการปรับใช้มัน ทำการบ้าน หาข้อมูล ปรับปรุงจริง  tools อะไรก็เกิดผลได้ค่ะ อ่านมาตรงนี้ก็พอจะเข้าใจแล้วนะคะ ว่าคุณจะเรียนเรื่องไหน กับใครก็ได้ ที่คุณเองพร้อมจะปรับใช้งาน และเค้าเหล่านั้นที่คุณไปเรียนด้วยเข้าใจการนำทฤษฎีเหล่านั้นไปใช้จริงให้เกิดผลลัพธ์กับธุรกิจของตัวเองหรือนักธุรกิจท่านอื่นมาแล้ว

น้ำใส 9.10.16

 

 

 

ดาวน์โหลดฟรี
คู่มือการสร้างโมเดลธุรกิจ

ไอเดียต่อยอดธุรกิจ

Case Study

คอร์สประจำเดือน

ติดอาวุธธุรกิจด้วย BMC

เริ่มธุรกิจที่ใช่ ให้ไปรุ่ง

แชทสอบถาม

Scroll to Top